วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Tense

Tense คือ รูปของคำกริยาที่บอกเวลาของการกระทำ ในภาษาอังกฤษการกระทำที่เกิดขึ้นในเวลาที่แตกต่างกันจะใช้รูปของคำกริยาที่แตกต่างกัน เช่น
1. I am playing football now. ( ฉันกำลังเล่นฟุตบอล )
2. I played football yesterday. ( ฉันเล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้ )
ในประโยคที่ 1 รูปของคำกริยาคือ am playing บอกให้รู้ว่าการเล่นฟุตบอลกำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดประโยคนี้ออกมา
ในประโยคที่ 2 รูปของคำกริยาคือ played บอกให้รู้ว่าการเล่นฟุตบอลเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
1.2 ชนิดของ Tense แบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ คือ
1. Present Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นปัจจุบัน
2. Past Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอดีต
3. Future Tense ใช้กับการกระทำที่เป็นอนาคต
แต่ละ Tense ใหญ่แบ่งออกเป็น 4 Tense ย่อย จึงมีทั้งหมด 12 Tense ดังนี้
Present Tense
Past Tense
Future Tense
1. Present Simple Tense
1. Past Simple Tense
1. Future Simple Tense
2. Present Progressive Tense
2. Past Progressive Tense
2. Future Progressive Tense
3. Present Perfect Tense
3. Past Perfect Tense
3. Future Perfect Tense
4. Present Perfect Progressive Tense
4. Past Perfect Progressive Tense
4. Future Perfect Progressive Tense

1.3 โครงสร้างของ Tense ทั้ง 12 Tense ย่อยมีโครงสร้างของประโยคดังนี้
Present Tense
Past Tense
Future Tense
1. S + V.1
1. S + V.2
1. S + will , shall +V.1
2. S + is ,am , are + V.1 เติม ing
2. S + was , were + V.1 เติม ing
2. S + will, shall + be + V.1 เติม ing
3. S + have , has + V.3
3. S + had + V.3
3. S + will , shall + have , has + V.3
4. S + have , has + been + V.1 เติม ing
4. S + had + been + V.1 เติม ing
4. S +will , shall + have + been + V.1 เติม ing

หมายเหตุ

S ย่อมาจาก Subject หมายถึง ประธานของประโยค
V.1 ย่อมาจาก Verb 1 หมายถึง กริยาช่องที่ 1
V.2 ย่อมาจาก Verb 2 หมายถึง กริยาช่องที่ 2
V.3 ย่อมาจาก Verb 3 หมายถึง กริยาช่องที่ 3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น